ก่อนศตวรรษที่ 17 การศึกษาเรื่องแสงเชื่อกันว่า แสงเป็นอนุภาคที่ถูกส่งออกมาจากต้นกำเนิดแสง
แสงสามารถผ่านทะลุวัตถุโปร่งใสและสะท้อนจากผิวของวัตถุทึบแสงได้
เมื่ออนุภาคเหล่านี้ผ่านเข้าสู่ตาจะทำให้เกิดความรู้สึกในการมองเห็น
• นิวตัน (Newton) ได้เสนอทฤษฎีอนุภาคของแสง (particle
theory) ซึ่งสามารถนำไปใช้อธิบาย
ปรากฏการณ์สะท้อนและการหักเหของแสง
• ฮอยเกนส์ (Christain Huygen) ได้เสนอทฤษฏีเกี่ยวกับคลื่นแสง
(Waves Theory) กล่าวว่าแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
และเดินทางในลักษณะของคลื่น นอกจากนี้ยังได้แสดงให้เห็นว่า กฎการสะท้อน
และการหักเหสามารถอธิบายได้โดยใช้ทฤษฎีคลื่นแสง
หลักของฮอยเกนส์ กล่าวว่า “ทุก ๆ
จุดบนหน้าคลื่นเดียวกัน อาจถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดคลื่นชุดใหม่
ที่แผ่ออกไปทุกทิศทางด้วยอัตราเร็วเท่าเดิม” ดังรูป
รูปที่ 3 แสดงหน้าคลื่นโดย ab เป็นหน้าคลื่นเดิม
, a’b’ เป็นหน้าคลื่นใหม่
ที่มา http://www.rmutphysics.com
• ทอมัส ยัง (Thomas Young) ได้ค้นพบปรากฏการณ์การแทรกสอดของแสง
• เฟรสเนล (Augustin
Fresnel) ได้ทำการทดลอง เกี่ยวกับการ แทรกสอด
และการเลี้ยวเบนของ แสง
แสงช่วงที่ตาสามารถ มองเห็นมีค่าอยู่ระหว่าง 400 – 700 นาโนเมตร และมีความถี่อยู่ในช่วง 103-105 เฮิรตซ์ โดยแสงสีม่วงซึ่งมีความยาวคลื่นน้อยที่สุด หรือ ความถี่สูงสุด ส่วนแสงสีอื่น ๆ ให้สเปคตรัมของแสงในช่วงนี้ก็มีความยาวคลื่นสูงขึ้นตามลำดับ จนถึงแสงสีแดงมีความยาวคลื่นมากที่สุดหรือมีความถี่ต่ำที่สุด ดังรูป
คลื่นที่มีความถี่ต่ำกว่าแสงสีแดงเรียกว่า “อินฟราเรด” (infrared) ส่วนคลื่นที่มีความถี่สูงกว่าแสงสีม่วงเรียกว่า
“อัลตราไวโอเลต” (Ultraviolet)
ที่มา http://www.rmutphysics.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น